ตั้งใจจะเขียนถึงเรื่องที่ไปเที่ยวหัวหิน..มาตั้งหลายครั้งแล้วค่ะ..แต่สะดุดกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย..ทั้งเรื่องราวของคุ้ง..แล้วงานก้อเยอะมาก...การไปหัวหินรอบนี้..ถ่ายรูปกลับมามีแต่คนถามว่าเราไปกับใคร..ถ่ายรูปออกมาอย่างกะไปกะแฟน...เอ่อ..คนโสดเฟร่ย..จาไปกะแฟนได้ไง..หุหุ..ไปเที่ยวแล้วแต่งตัวสวย ๆ มันทำให้คนเข้าใจผิดได้ง่ายขนาดนั้นเชียวหรือเนี่ย..กร๊ากกๆๆ เอ่อ..มั่นใจเอาก้อแล้วกัน..สวยไม่สวยว่ากันอีกที หุหุหุ
วันนี้ก้อเลยมาเขียนถึงร้านกาแฟ ที่ได้ไปกินดีกว่า...
ไปวันแรก..วันนี้ไปกินสตาบัค..ตอนสองทุ่ม..เอ่อ..มานั่งคิด..ทำไมตรูต้องมากินกาแฟตอนกลางคืนด้วยฟร่ะ...555 แต่จาทำไงได้..ก้อเพื่อนมานอยากกินอ่านะ..
วันนี้สั่ง..มัคคิอาโต้ร้อน..ไซด์เล็ก..คิดไงไม่รู้กินร้อน..ปกติกินเย็น..เหรอว่าไปแปลกที่ก้อสั่งแบบแปลก ๆ นิดนึงหว่าาาหุหุ
เช้าวันที่สอง...ตอนเช้าก้อกินอาหารที่แถมจากการจองห้อง..(พูดซ๊าา..หุหุ) ก้อคืออาหารโรงแรมอ่าแหละ..เราก้อกินอะไรที่เราอยากกิน..
ขนมปังปิ้ง..เอ่อ..กินไปหน่อย..อร่อยมาก..คือเอฟชอบกินขนมปังปิ้งทาเนยทาแยมที่ซู๊ดดด..แล้วก้อนึกได้..เห้ย..ลืมถ่ายรุป..555
แต่..ขนมปังมันจาอิ่มได้ไง..เอ่อ..ได้ข่้าวว่ากินไปสามแผ่น...><....ก้อต้องกินจานหลัก วันนี้เลือกเป็นไข่คน..วันนี้เลือกไข่คนกะแฮมกะ..อะไรซักอย่าง..(จำมะได้..เจ้ยย..)สุดท้ายก้อกินแต่ไข่อ่าแหละ..บางคนว่าไข่คนก้อคล้าย ๆ ออมเลต...เถียงในใจตลอด..ว่ามานไม่ใช่เฟร่ย..ไม่เหมือนซักกะนิด..ออมเลตชวนหยึ๊ย..หุหุ(อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะคะ..^^)
แล้วก็กินผลไม้..ล้างปากนิดดดนึง..(เอ่อ..ไม่นิด..หุหุ) ใจจิงอยากจาบอกว่า..เหมือนจารสนิยมฝรั่ง..แต่..มะใช่เฟร่ย..ตรูกินข้าวเหนียวหมูปิ้งด้วย..แต่..มะได้ถ่ายแค่นั้นเอง..กว่าจานึกได้..มานเข้าปากไปหมดแระนี่นา...
จากนั้นหลังจากเก็บของจากลับแระ..เกิดอยากกินกาแฟข้างบ้าน..(ก่อนมาไปเสิชพันทิพห้องบลู เค้าบอกว่าไม่ควรพลาด) เราก้อพยายามชักชวนเพื่อน..ฮ่าๆๆ ก่อนกลับก้อเลยได้ฤกษ์แวะ
ร้านกาแฟข้างบ้าน...อยุ่เกือบสุดหัวหิน...
เอฟสั่งเมนูยอดฮิตของที่นี่..บานอฟฟี่..รสชาติ..อร่อยใช้ได้เลยแหละ..แต่ครีมข้างบนเยอะมากไปนิดดดนึงอ่าค่ะ..อันนี้แล้วแต่คนชอบมั้่ง..เอฟว่ามากไปนิดนึง..แอบเลี่ยนหน่อยๆ..แต่มีรสชาติโอริโอ้ที่เค้าทำเป็นฐานมาตัดก้ออร่อยดีค่ะ
เอ่อ..ยังไม่อิ่มหง่ะ..ก้อเลยสั่งบลูเบอร์รีชีสพาย..รสชาติก้อ..ทั่ว ๆ ไปค่ะ..อร่อยนะ..ไม่แย่..
สุดท้ายมาร้านกาแฟ..ไม่สั่งกาแฟมาลองได้ไง..ก้อเลยสั่งกาแฟ..ลาเต้..แล้วเหลือบไปเห็นเมนู ที่ร้านนี้มีไอศครีมโฮมเมดด้วย..ก้อเลยสั่ง..วนิลาเพื่อมาเทส..(เอฟว่าถ้าจากินโฮมเมดต้องสั่งรสชาติเบสิกๆ อย่างวนิลา..เพราะว่ารสชาติเบสิกจาทำให้เรารู้ว่าเค้าทำอร่อยรึเปล่า..นี่ก้อความคิดส่วนตัวอีกอ่าแหละ..โฮ๊ะๆ) ส่วนเพื่อนอยากลองช๊อคโกแลต..เ่อ่อ..รสชาติเบสิกอีกแหละ..ลูกละ 55 บาท..ก๊อดดดด...ไม่อร่อยเลยอ่ะ..แบบว่ารสชาติอ่อนมากแล้วร่วนมากๆ..ไม่สมราคา..อยากจากรี๊ด..110 บาท..ไปซื้อไอติมวอลล์กินอร่อยกว่าเยอะะหง่ะ..เศร้ามาก..แถมลาเต้ที่สั่งมา..รสชาติ..บอกไม่ถูก..เราว่ากินไปแล้วรู้สึกเหมือนเค้าเอาน้ำทะเลมาทำงั้นแหละ..คือ..ไม่รู้จาอธิบายยังไง..เป็นกาแฟที่กินแล้วรุ้สึกถึงกลิ่นและรสชาติน้ำทะเล...ไม่อร่อยอย่างแรง..เศร้าา..เสียตังอีกแล้ว..T^T
======================================================
แล้วเราก้อกลับถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ..มีเหตุระทึกใจนิดหน่อย..คือฝนตก..พอใกล้จาถึงกรุงเทพ..น้ำมันกระพริบหมดถัง..หาปั๊มไม่ได้...ระทึกมาก..มาได้เต็มตอนถึงกรุงเทพแล้ว..ทำไมรู้ว่า..เราต้องดูน้ำมันดีดี..ถ้าเราจาเดินทางไกล..555
อันนี้รวมภาพเราเองดีกว่าาา อิอิ
Sunday, July 4, 2010
Tuesday, June 22, 2010
งานแต่ง "แวว" หนึ่งในเพื่อนสนิทของฉัน
วันนี้นั่งดูรูปเก่า ๆ สะดุดไปเจอโฟลเดอร์นึง. เราตั้งชื่อโฟลเดอร์นั้นว่า..งานแต่งแวว ก็จำได้แหละว่ามันเป็นโฟลเดอร์รูปที่ชั้นไปงานแต่งของเพื่อนสนิทมากคนนึงในชีวิตของชั้น..แวว รัตนวงศา แต่..ตอนนี้เปลี่ยนนามสกุลไปซะแร้ววว หุหุหุ ก้อไม่ได้อะไรอยากเขียนถึงเพื่อนคนนี้ขึ้นมา..
ต้นเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว(2552)อยุ่ ๆ แววก้อโทรมาบอกว่าเออ..เนี่ย..อีก 2-3 อาทิตย์จาแต่งงาน...กร๊อดด..จิงเหรอเนี่ย..แต่ยังไงเราก้อต้องไปให้ได้แหละ..เพราะว่าเราเป็นหนึ่งในเพื่อนไม่กี่คนที่แววเชิญไปงานแต่ง..^^ แต่..วันหยุดเหลือไม่เท่าไหร่ก้อเลยกะว่า..จานั่งเครื่องไป..จัดแจงแบบ..ตรูแอ๊คทีฟมากก..เพื่อนแต่งเย็น..ตรูนั่งเครื่องไปเช้า..ถึงบ่ายๆ..เพื่อจาได้มีเวลาแต่งตัว เย็นไปงาน เช้าอีกวันบินกลับ..เป็นทริปที่เหนื่อยมากจิงๆ...
เมื่อได้รายการตามนั้นก้อ..อื้มม..สองจิตสองใจว่าจาเข้าบ้านดีไม๊..โทรไปถามแม่..แม่บอกว่า..ไม่ต้องเข้าก้อได้..ดูท่าทางจาเหนื่อย..ต้องบอกก่อนนะคะว่าเอฟไม่ใช่คนเชียงใหม่ แต่เป็นคนจังหวัดใกล้ ๆ กะเชียงใหม่นั่นเอง..ลำพูน..คนเหนือส่วนใหญ่จาเรียก หละปูน..ลำปูน ตามแต่จาเรียก..ไว้จาเล่าให้ฟังอีกที...หุหุหุ ออกนอกเรื่องเยอะแระ เล่าต่อดีกว่า
จำได้ว่าวันนั้นเครื่องลงที่เชียงใหม่ตอนบ่ายโมง โน๊ต (เพื่อนสนิทอีกคน) ไปรับ..เพื่อพาไปกินข้าว หาที่แต่งตัว(ห้องแฟนโน๊ต) แล้วก้อทำหน้าที่สารถี..เอฟกลับบ้านทีไร จาไปไหนก้อพึ่งสารถีคนนี้ ไว้จาเล่าให้ฟังเรื่องเพื่อนคนนี้อีกที (อีกแล้ว..555)
เนื่องจากวันนั้น นั่งชิวกินข้าวนานไปหน่อย..เลยแต่งตัวช้า แล้วก้อไปงานเลตนิดเดียว คือไม่ใด้เห็นตอนโห่ขันหมาก..พลาดไปนิดเดียวจิงๆ..จะว่าไป..เราเข้าไปแบบเอ๋อๆ..เอ้อ..ลืมบอกไป..ว่าแววเป็นหมอ..เพื่อนที่มาทั้งหมดก้อเป็นเพื่อนหมอ..มีตรูคนเดียวเป็นวิศวกร(เตี้ยๆ) ตอนแรกไม่รุ้ทางเข้าบ้านที่จัดงาน(บ้านเจ้าบ่าว..) จาไปงานแต่ง..ก่อนไปยังมีหน้าโทรถามเจ้าสาวอีก..พอดีพี่เจ้าบ่าวรับโทรศัพท์ บอกทางกันไป..เราโทรไปหลายรอบมาก..คือเพื่อนจาเข้าพิธีอยู่แล้ว..นิสัยเจรงๆ..หุหุ
พอไปถึงก้อยังดีที่เรายังมีคนรู้จักคือ หมอเมย์ เมย์เป็นเพื่อนที่เรียนมัธยมมากะเรา กะแวว ไม่งั้นเอ๋อมากกว่านี้แน่นอน ไปดูรูปดีกว่า
อันนี้เป็นช็อตที่เราไปไม่ทัน >< อยากเห็นเงิน..กร๊ากก..หุหุ
เราไปทันตั้งแต่นี้
แล้วนี่ก้อเป็นหมู่มวลคุณหมอ..แล้วก้อเราเอง(ขวาสุด)วิศวกรต๊อกต๋อย..หุหุ
รูปนี้ก้อยังอยุ่ริม...555 รู้สึกว่าไม่ว่าไปที่ไหน ๆ เราก้อเตี้ยสุดแฮะ..
อันนี้เป็นตอนกินข้าวแร้ว..ร่วมวงกะหมอทั้งโต๊ะ..เค้าคุยไรกัน..เราไม่รุ้เรื่องเท่าไหร่หรอก..กินไปยิ้มไป..หุหุ
สุดท้ายแร้ว...
งานแต่งของเพื่อนแววงานนี้เป็นงานเล็ก ๆ แต่อบอุ่นมากทีเดียว..เราเห็นเพื่อนมีความสุขเราก้อมีความสุขตาม บอกตามตรง..เราดีใจที่เห็นเพื่อนคนนี้มีคนดูแลซักที..ความรักครั้งก่อนหน้านี้..5-6 ปีมั้่ง เราเห็นเพื่อนเรามีแค่ความทุกข์ นอกใจ หักหลัง กลั่นแกล้ง ร้องให้บ่อยมาก..ก่อนหน้าที่จะมาเจอพี่วิทย์ ที่แววมักจะโทรมาเล่าให้ฟังว่าพี่วิทย์ อย่างงั้น พี่วิทย์อย่างนี้..^__^ สุดท้ายก้อมีความสุขซักที
ตอนนี้เพื่อนเรามีครอบครัวที่สมบูรณ์ มีพ่อ แม่ แล้วก้อลูกชายน้องวิน..ที่เข้าวินมาอันดับแรก..อิอิ..เราก้อดีใจกะเพื่อนแววมาก ๆ ขอให้ัมีความสุขตลอดไป..
อันนี้เป็นชุดที่ใส่ไปงาน ^^ แต่..รูปออกมาขาวอย่างไม่น่าเชื่อ..ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้่แต่งรูป..ใครที่เห็นรูปนี้จะบอกตรงกันว่า..ขาวเกินไปนะ..ใส่แฟรชแหงๆ ..อยากจาบอกว่า..โนวย่ะ..ของจิง..5555
ต้นเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว(2552)อยุ่ ๆ แววก้อโทรมาบอกว่าเออ..เนี่ย..อีก 2-3 อาทิตย์จาแต่งงาน...กร๊อดด..จิงเหรอเนี่ย..แต่ยังไงเราก้อต้องไปให้ได้แหละ..เพราะว่าเราเป็นหนึ่งในเพื่อนไม่กี่คนที่แววเชิญไปงานแต่ง..^^ แต่..วันหยุดเหลือไม่เท่าไหร่ก้อเลยกะว่า..จานั่งเครื่องไป..จัดแจงแบบ..ตรูแอ๊คทีฟมากก..เพื่อนแต่งเย็น..ตรูนั่งเครื่องไปเช้า..ถึงบ่ายๆ..เพื่อจาได้มีเวลาแต่งตัว เย็นไปงาน เช้าอีกวันบินกลับ..เป็นทริปที่เหนื่อยมากจิงๆ...
เมื่อได้รายการตามนั้นก้อ..อื้มม..สองจิตสองใจว่าจาเข้าบ้านดีไม๊..โทรไปถามแม่..แม่บอกว่า..ไม่ต้องเข้าก้อได้..ดูท่าทางจาเหนื่อย..ต้องบอกก่อนนะคะว่าเอฟไม่ใช่คนเชียงใหม่ แต่เป็นคนจังหวัดใกล้ ๆ กะเชียงใหม่นั่นเอง..ลำพูน..คนเหนือส่วนใหญ่จาเรียก หละปูน..ลำปูน ตามแต่จาเรียก..ไว้จาเล่าให้ฟังอีกที...หุหุหุ ออกนอกเรื่องเยอะแระ เล่าต่อดีกว่า
จำได้ว่าวันนั้นเครื่องลงที่เชียงใหม่ตอนบ่ายโมง โน๊ต (เพื่อนสนิทอีกคน) ไปรับ..เพื่อพาไปกินข้าว หาที่แต่งตัว(ห้องแฟนโน๊ต) แล้วก้อทำหน้าที่สารถี..เอฟกลับบ้านทีไร จาไปไหนก้อพึ่งสารถีคนนี้ ไว้จาเล่าให้ฟังเรื่องเพื่อนคนนี้อีกที (อีกแล้ว..555)
เนื่องจากวันนั้น นั่งชิวกินข้าวนานไปหน่อย..เลยแต่งตัวช้า แล้วก้อไปงานเลตนิดเดียว คือไม่ใด้เห็นตอนโห่ขันหมาก..พลาดไปนิดเดียวจิงๆ..จะว่าไป..เราเข้าไปแบบเอ๋อๆ..เอ้อ..ลืมบอกไป..ว่าแววเป็นหมอ..เพื่อนที่มาทั้งหมดก้อเป็นเพื่อนหมอ..มีตรูคนเดียวเป็นวิศวกร(เตี้ยๆ) ตอนแรกไม่รุ้ทางเข้าบ้านที่จัดงาน(บ้านเจ้าบ่าว..) จาไปงานแต่ง..ก่อนไปยังมีหน้าโทรถามเจ้าสาวอีก..พอดีพี่เจ้าบ่าวรับโทรศัพท์ บอกทางกันไป..เราโทรไปหลายรอบมาก..คือเพื่อนจาเข้าพิธีอยู่แล้ว..นิสัยเจรงๆ..หุหุ
พอไปถึงก้อยังดีที่เรายังมีคนรู้จักคือ หมอเมย์ เมย์เป็นเพื่อนที่เรียนมัธยมมากะเรา กะแวว ไม่งั้นเอ๋อมากกว่านี้แน่นอน ไปดูรูปดีกว่า
อันนี้เป็นช็อตที่เราไปไม่ทัน >< อยากเห็นเงิน..กร๊ากก..หุหุ
เราไปทันตั้งแต่นี้
แล้วนี่ก้อเป็นหมู่มวลคุณหมอ..แล้วก้อเราเอง(ขวาสุด)วิศวกรต๊อกต๋อย..หุหุ
รูปนี้ก้อยังอยุ่ริม...555 รู้สึกว่าไม่ว่าไปที่ไหน ๆ เราก้อเตี้ยสุดแฮะ..
อันนี้เป็นตอนกินข้าวแร้ว..ร่วมวงกะหมอทั้งโต๊ะ..เค้าคุยไรกัน..เราไม่รุ้เรื่องเท่าไหร่หรอก..กินไปยิ้มไป..หุหุ
สุดท้ายแร้ว...
งานแต่งของเพื่อนแววงานนี้เป็นงานเล็ก ๆ แต่อบอุ่นมากทีเดียว..เราเห็นเพื่อนมีความสุขเราก้อมีความสุขตาม บอกตามตรง..เราดีใจที่เห็นเพื่อนคนนี้มีคนดูแลซักที..ความรักครั้งก่อนหน้านี้..5-6 ปีมั้่ง เราเห็นเพื่อนเรามีแค่ความทุกข์ นอกใจ หักหลัง กลั่นแกล้ง ร้องให้บ่อยมาก..ก่อนหน้าที่จะมาเจอพี่วิทย์ ที่แววมักจะโทรมาเล่าให้ฟังว่าพี่วิทย์ อย่างงั้น พี่วิทย์อย่างนี้..^__^ สุดท้ายก้อมีความสุขซักที
ตอนนี้เพื่อนเรามีครอบครัวที่สมบูรณ์ มีพ่อ แม่ แล้วก้อลูกชายน้องวิน..ที่เข้าวินมาอันดับแรก..อิอิ..เราก้อดีใจกะเพื่อนแววมาก ๆ ขอให้ัมีความสุขตลอดไป..
อันนี้เป็นชุดที่ใส่ไปงาน ^^ แต่..รูปออกมาขาวอย่างไม่น่าเชื่อ..ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้่แต่งรูป..ใครที่เห็นรูปนี้จะบอกตรงกันว่า..ขาวเกินไปนะ..ใส่แฟรชแหงๆ ..อยากจาบอกว่า..โนวย่ะ..ของจิง..5555
Thursday, June 17, 2010
Red Tiger for my Birthday
วันนี้ไปเล่นเกม facebook มา..เค้าให้ link มาว่าเราเป็นสัตว์อะไรแนว ๆ นั้น..เป็นคำทำนายของญี่ปุ่น..คำทำนายได้ตามข้างล่าง
========================
You are Red Tiger who is friendly and cheerful person.
You tend to be straight forward, and are kind and generous to others.
Generally speaking you are philanthropist, and you possess feminine attraction that makes men turn around.
When you are young, you have gentle and pure atmosphere, but as you get older, you start to show individuality.
Your personality will turn into someone who likes taking care of people, tolerant, and bold.
Unlike your friendly outlook, you have rational mind, and can even observe your parent objectively and coolly.
You don't like to be adventurous, and prefer to lead consistent life.
But you hold great ideals.
You don't try to act actively, and keeps your own pace.
You are not influenced by emotions, and can live life with perseverance.
Your weakness is that you tend to be inconsistent and lack responsibility.
You can stand on top of people and look after the others.
You have great talent in making the atmosphere lively and cheerful.
You dislike being given instructions and told what to do.
After getting married you will create a warm family, but you will still like to work outside too.
=================
วันนี้ไปดูดวงที่หมอดู..ตรงทางลง BTS เอกมัยมา..เค้าบอกว่า...ชีวิตเราเริ่มจาหมดทุกข์หมดโศกแล้ว..อะไรดีดีก้อจะเข้ามา...คนที่เคยแทงข้างหลังเรา..เค้าก้อจะไม่ทำอีก..ดีจัง ^__^
========================
You are Red Tiger who is friendly and cheerful person.
You tend to be straight forward, and are kind and generous to others.
Generally speaking you are philanthropist, and you possess feminine attraction that makes men turn around.
When you are young, you have gentle and pure atmosphere, but as you get older, you start to show individuality.
Your personality will turn into someone who likes taking care of people, tolerant, and bold.
Unlike your friendly outlook, you have rational mind, and can even observe your parent objectively and coolly.
You don't like to be adventurous, and prefer to lead consistent life.
But you hold great ideals.
You don't try to act actively, and keeps your own pace.
You are not influenced by emotions, and can live life with perseverance.
Your weakness is that you tend to be inconsistent and lack responsibility.
You can stand on top of people and look after the others.
You have great talent in making the atmosphere lively and cheerful.
You dislike being given instructions and told what to do.
After getting married you will create a warm family, but you will still like to work outside too.
=================
วันนี้ไปดูดวงที่หมอดู..ตรงทางลง BTS เอกมัยมา..เค้าบอกว่า...ชีวิตเราเริ่มจาหมดทุกข์หมดโศกแล้ว..อะไรดีดีก้อจะเข้ามา...คนที่เคยแทงข้างหลังเรา..เค้าก้อจะไม่ทำอีก..ดีจัง ^__^
Sunday, June 6, 2010
RIP แด่ คุ้ง..เพื่อนที่แสนดีคนนึงของฉัน
เช้าวันศุกร์ที่ผ่านมา(4/6/2553) ฉันกำลังเรียนเรื่อง dialogue อยู่ ๆ พี่ที่มาเรียนด้วยกันเค้าก้อบอกว่า..เอฟ แล้วก้อนิ่งไป..เราก้อมีอะไรรึเปล่า...ถามไปไม่ได้คิดอะไร..พี่แกก้อนิ่ง..แล้วก้อค่อย ๆ บอกว่า คุ้งตายแล้วนะ..เพื่อนพี่เพิ่งโทรมาบอก..เราก้อ..เห้ย..จิงเหรอ..แล้วก้อนิ่งไป..จนเรียนเสร็จ..เพื่งเห็น miss call จาเพื่อนอีกคนหนึ่ง..ก้อเลยโทรกลับ..เราก้ออะไรเนี่ย...ทำไมไวแบบนี้อ่ะ..เราไม่ได้เจอคุ้งมานานมาก..เป็นปีได้มั้ง..เมื่อเดือนที่แล้ว ยังคุยเอ็มกันอยู่เลยว่า..เออ..สิ้นเดือนจะไปกินข้าวกัน...ทำไมยังไม่ทันเจอกันเลย..T-T ซักพักปรางก็โทรมาถาม ว่าจะไปงานศพที่พิจิตรไม๊..เราก้อบอกว่าตอบไม่ได้...เพราะว่าอาทิตย์นี้เรามี oncall ต้องทำงานทั้งอาทิตย์ วันเสาร์ อาทิตย์ ระบบชอบมีปัญหา..สุดท้ายคืนนั้น..เราก้อโทรไปฝากพี่ พี่ น้อง น้อง ในทีมให้ช่วยดูหน่อย..เพราะว่าเราจะไปงานศพเพื่อนที่ต่างจังหวัด..เราว่า..เราต้องไปให้ได้แหละ..ไม่ังั้นมันจะเหมือนมีอะไรติดค้างกัน..
คุ้ง..บุคคลที่มีความทรงจำกันมากมานเหลือเกิน..เจอหน้ากันมาตั้งแต่สมัยเรียน..เห้ออ..เศร้า
เช้าวันเสาร์ (5/6/2553) เราเดินทางไปกับพวกรุ่นของคุ้ง..ลืมบอกไปว่าคุ้งหน่ะ..เป็นเพื่อนรุ่นพี่ปีนึง..ถ้านับตามรุ่นมหาวิทยาลัย..แต่ว่า..ถ้านับตามจิงก้อรุ่นเดียวกัน เพราะว่าเอฟมันเด็กซิ่ว
ไปไหว้ศพ..ตอนไปถึง..เราไหว้นานมาก...บอกทุกอย่างที่อยากบอก อยากขอโทษ ขออโหสิกรรม แล้วก้ออโหสิกรรมให้กับคุ้ง..พิมไปตอนนี้ก้ออยากจะร้องให้..ทำไมมันเศร้างี้เนี่ย...
ตอนเย็นก้อกินข้าว..แล้วก้อสวด..พอสวดจบก่อนจะกลับ กรุงเทพไปไหว้อีกรอบ..ตอนแรกไม่ร้องให้..แต่พอไปเคาะโลง..เราก้อร้องให้โฮ อีกรอบ..เห้อ..ขี้แยจิง ๆ ..แต่ตอนนั้นมันทนไม่ไหวแล้วจิง ๆ ก่อนจะกลับเราก้อไปบอกกับแม่ของคุ้งว่า..คุ้งบอกกับเอฟเสมอว่าคุ้งรักแม่ที่สุดนะคะ..แม่เค้าจากไม่ร้องก้อร้องให้กับเราแล้วก้อบอกว่า..เค้าบอกเพื่อน ๆ เค้าทุกคนว่าเค้ารักแม่มากที่สุด..แล้วก้อร้องให้ๆ..กันใหญ่แล้วก้อขึ้นรถกลับกรุงเทพ..ขากลับคันที่เรากลับเพิ่มเพื่อนเราอีกคนชื่อออฟ มีคำนึงที่ออฟพูดกับเราว่า..เรื่องพี่คุ้ง..ทำให้ออฟคิดได้อย่างนึงคือ..ชีวิตคนเรามันสั้น..อยากทำอะไรก้อทำ..อย่ารอเวลา..เราก้อว่าจิง..นะ..แล้วก้อเงียบกันทั้งคันรถ กว่าจะกลับมาถึงกรุงเทพก้อตีกนึ่งกว่า ๆ แล้ว..เห้อ
คุ้ง...เค้่าขอโทษทำหรับทุก ๆ อย่างที่ผ่านมาที่เค้าเคยทำไม่ดีกับคุ้งนะ..หลับให้สบายนะ
คุ้ง..บุคคลที่มีความทรงจำกันมากมานเหลือเกิน..เจอหน้ากันมาตั้งแต่สมัยเรียน..เห้ออ..เศร้า
เช้าวันเสาร์ (5/6/2553) เราเดินทางไปกับพวกรุ่นของคุ้ง..ลืมบอกไปว่าคุ้งหน่ะ..เป็นเพื่อนรุ่นพี่ปีนึง..ถ้านับตามรุ่นมหาวิทยาลัย..แต่ว่า..ถ้านับตามจิงก้อรุ่นเดียวกัน เพราะว่าเอฟมันเด็กซิ่ว
ไปไหว้ศพ..ตอนไปถึง..เราไหว้นานมาก...บอกทุกอย่างที่อยากบอก อยากขอโทษ ขออโหสิกรรม แล้วก้ออโหสิกรรมให้กับคุ้ง..พิมไปตอนนี้ก้ออยากจะร้องให้..ทำไมมันเศร้างี้เนี่ย...
ตอนเย็นก้อกินข้าว..แล้วก้อสวด..พอสวดจบก่อนจะกลับ กรุงเทพไปไหว้อีกรอบ..ตอนแรกไม่ร้องให้..แต่พอไปเคาะโลง..เราก้อร้องให้โฮ อีกรอบ..เห้อ..ขี้แยจิง ๆ ..แต่ตอนนั้นมันทนไม่ไหวแล้วจิง ๆ ก่อนจะกลับเราก้อไปบอกกับแม่ของคุ้งว่า..คุ้งบอกกับเอฟเสมอว่าคุ้งรักแม่ที่สุดนะคะ..แม่เค้าจากไม่ร้องก้อร้องให้กับเราแล้วก้อบอกว่า..เค้าบอกเพื่อน ๆ เค้าทุกคนว่าเค้ารักแม่มากที่สุด..แล้วก้อร้องให้ๆ..กันใหญ่แล้วก้อขึ้นรถกลับกรุงเทพ..ขากลับคันที่เรากลับเพิ่มเพื่อนเราอีกคนชื่อออฟ มีคำนึงที่ออฟพูดกับเราว่า..เรื่องพี่คุ้ง..ทำให้ออฟคิดได้อย่างนึงคือ..ชีวิตคนเรามันสั้น..อยากทำอะไรก้อทำ..อย่ารอเวลา..เราก้อว่าจิง..นะ..แล้วก้อเงียบกันทั้งคันรถ กว่าจะกลับมาถึงกรุงเทพก้อตีกนึ่งกว่า ๆ แล้ว..เห้อ
คุ้ง...เค้่าขอโทษทำหรับทุก ๆ อย่างที่ผ่านมาที่เค้าเคยทำไม่ดีกับคุ้งนะ..หลับให้สบายนะ
Thursday, May 20, 2010
++ My life at 20/05/2010 ++
วันนี้ตื่นมาแต่เช้าเพราะว่าเสียงโทรศัพท์กรีดร้องแต่เช้า..ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก..พ่อกะแม่ของฉันนั่นเอง..
แม่คุยมาเป็นคนแรกบอกว่า..เออ..ยายบอกว่าให้มันบินกลับบ้านวันนี้เพราะว่าหยุดอีกหลายวัน...ไม่ใช่ไรหรอกนะ..ใจจิงเมื่อคืนก้อหาตั๋วเครื่องบินไว้เหมือนกัน..แล้วยังไงฟระ..สายการบินที่มานอยู่สุวรรณภูมิ..ทั้งการบินไทยกะบางกอกแอร์เวย์...มานไม่บินวันนี้อ่ะ..เข้าไปในเวบวันที่เริ่มให้จองคือวันเสาร์..แล้วจะกลับบ้านยังไง..จิง ๆ มีนกแอร์กะแอร์เอเชีย..แต่ราคาเกิน 2000 ไม่อยากกลับ จาเอาตังที่ไหนกินข้าว..บรรยายมาเยอะ..ก้อบอกแม่ไปว่า..อยู่ไกล..ไม่เป็นไรหรอก..เมื่อคืนก้อไม่มีอะไร..ต่อมาพ่อก้อมาคุย..สบายดีไม๊..อยู่ไกลรึเปล่า...นั่นนี่ นั่นี่..แล้วพอวางสายปั๊บ..ก้อหลับต่อ..ซะงั้น 555
วันนี้อยากกินขนมปังแต่เช้าไม่รู้เป็นอะไร..เซเว่นไม่มีขนมปังขายมาสองวันแล้ว..เซ็งจิต..ก้อเลยนั่งพี่วิน..(รอบนี้พี่วินเป็นทอม) ไปบิ๊กซี..โหยๆ..ไม่มีรถเข็น..อ่ะไม่เป็นไร ยังดีมีตะกร้า..เดินไป..เดินมา..ไมมานหนักฟระ..มองตะกร้าอีกที..เอ้ยย..ของเต็มเรย..555 ด้วยความที่กลัวว่าจากลับไม่ได้..แถมไม่มีคนยกของให้ก้อเลยไม่ได้ซื้อน้ำกิน...ได้ของสด กะกึ่งสดที่ต้องมาทำเองหลายอย่างเชียว..มักกะโรนีเอย ซุปเห็ดเอย (ซื้อมาอย่างกะจาได้ทำกับข้าวบ่อยงั้น) แต่ที่จงใจซื้อวันนี้คือ..เห็ดออรินจิ กะหมูบด..อยากกินกับข้าวเหนือ..แต่มันไม่มี ในตุ้เย็นมีพริกแกงเหนือที่แม่ตำมาไว้ให้เมื่อคราวกลับบ้านรอบที่แล้ว..มันหาผักเหนือ ๆ ไม่ได้..ไม่เป็นไรก้อประยุกต์เป็นไอเห็ดออรินจินี่ก้อแล้วกัน..จากที่บรรยายมา..คือซื้อมันตั้งแต่อาหารเหนือจดกลาง..แล้วเลยออกนอกประเทศไปนิดนึง..555
กลับมาก้อไม่ทำอะไร..เห็นมีน้ำแข็งใสขาย ก้ออยากกินอีก..(ไม่ได้กลัวอ้วนแต่อย่างใด..ในตอนที่คิดจะซื้อ หุหุ) ก้อกินน้ำแข็งใสก่อน..
คนขายเป็นแขก..พูดไทยไม่ชัดซะงั้นแต่น้ำแข็งใสที่ขายกลับเป็นแบบโบราณทีต้องใช้น้ำแข็งก้อนใหญ่ ๆ ไถไถกะแท่นที่มีมีด..ใครเคยเห็นก้อจานึกออก..แต่ถ้าไม่เคยเห็นนึกยังไงก้อคงไม่ออกอยุ่ดี..พวกที่เกิดก่อน พ.ศ. 2528 อย่างเราก้อยังเคยเห็นประปราย..อิอิ จากนั้นก้อทำกับข้าว..ตอนแรกกะว่า..จาถ่ายรูปไว้ซะหน่อย..แต่หน้าตาไม่น่ากินอย่างแรง.(แต่รสชาติดีมาก...อิอิ) ก้อเลยไมไ่ด้ถ่ายไว้..
เมื่อวานอ่านหนังสือเ่ล่มนึงชื่อ Desirable Taste เมนูปรารถนา ...
จากรูปจาเห็นว่ามีแลข 65 นั่นราคาที่ซื้อมาค่ะ..แต่ราคาจิงอยุ่ที่เล่มละ 120 บาม..อิอิ .คนเขียนใช้นามปากกาว่า ฮิมิโตะ ณ เกียวโต ซื้อมาตั้งแต่งานหนังสือเพิ่งได้ฤกษ์อ่าน...ชอบมาก ๆ ผู้เขียนเค้าเขียนแบบเหมือนออกมาจากอารมณ์ล้วนๆ อ่านแล้วอิน..ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจิงอิงนิยาย เรื่องจิงไม่อิงนิยาย เหรอว่าเรื่องแต่งหรอก แต่รุ้ว่า..อ่านแล้วอินมากโดยเฉพาะบท Alone in the kitchen
ตอนเย็นออกไปหาข้าวในซอยกิน..ไม่มีไรขายเลย..เศร้า..ก้อเลยไปซื้อหมูหยองที่เซเว่นกะว่าจาเอามาทำแซนวิสพรุ่งนี้..หุหุ วันนี้กลับมาก้อ..เอ..เราซื้อไรมามั่งหว่าา...มีมักกะโรนี..กะหมูยอ..เอามาต้มดีกว่า..จำได้ว่าเป็นเมนูที่กินตอนเด็ก ๆ ก้อเลยทำ ทำ ทำ ที่ห้องไม่มีอะไรมาก ไม่มีหม้อ เตาไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถทำอาหารได้มีแค่สองอย่าง..คือไมโครเวฟกะหม้อหุงข้าว..(ที่ไม่เคยได้ทำหน้าที่ตามชื่อเลยซักครั้ง..ซื้อมาตั้งแต่สมัยเรียน) เราก้อเลย..หม้อหุงข้าวดีกว่า..เพราะว่าต้องใช้เวลาต้มนาน..ไมโครไวฟวางบนตุ้เย็น..ไอครั้นจาแบกลงมาก้อใช่เรื่อง..หนักเอาการทีเดียว..ทำไปทำมาก้อได้มักกะโรนีต้มกะหมูยอหน้าตาแบบนี้ ตอนกินก้อเหยาะพริกไทยไปเยอะๆ เพราะว่าชอบมาก..อิอิ
จบการกินข้าวไปอีกวัน..แต่แปลกใจที่วันนี้ทำกับข้าวกินสองมื้อเรยเหรอเนี่ย...อยู่มาตั้งนานไม่ค่อยได้ทำอะไรเท่าไหร่..สงสัยจาเห่อ ข้าวของที่ไปซื้อมานี่เอง..สงสัยอารมณ์เบื่อเข้าสิงแหงๆ
=========================================================================
วันนี้วันที่ 20/05/2010 วันนี้เป็นวันที่สองของการประกาศเคอร์ฟิวส์ในกรุงเทพ...ไม่รู้คืนนี้จะมีอะไรอีก..เมื่อวาน Central World ก้อไหม้ไปหมดแล้ว...
แม่คุยมาเป็นคนแรกบอกว่า..เออ..ยายบอกว่าให้มันบินกลับบ้านวันนี้เพราะว่าหยุดอีกหลายวัน...ไม่ใช่ไรหรอกนะ..ใจจิงเมื่อคืนก้อหาตั๋วเครื่องบินไว้เหมือนกัน..แล้วยังไงฟระ..สายการบินที่มานอยู่สุวรรณภูมิ..ทั้งการบินไทยกะบางกอกแอร์เวย์...มานไม่บินวันนี้อ่ะ..เข้าไปในเวบวันที่เริ่มให้จองคือวันเสาร์..แล้วจะกลับบ้านยังไง..จิง ๆ มีนกแอร์กะแอร์เอเชีย..แต่ราคาเกิน 2000 ไม่อยากกลับ จาเอาตังที่ไหนกินข้าว..บรรยายมาเยอะ..ก้อบอกแม่ไปว่า..อยู่ไกล..ไม่เป็นไรหรอก..เมื่อคืนก้อไม่มีอะไร..ต่อมาพ่อก้อมาคุย..สบายดีไม๊..อยู่ไกลรึเปล่า...นั่นนี่ นั่นี่..แล้วพอวางสายปั๊บ..ก้อหลับต่อ..ซะงั้น 555
วันนี้อยากกินขนมปังแต่เช้าไม่รู้เป็นอะไร..เซเว่นไม่มีขนมปังขายมาสองวันแล้ว..เซ็งจิต..ก้อเลยนั่งพี่วิน..(รอบนี้พี่วินเป็นทอม) ไปบิ๊กซี..โหยๆ..ไม่มีรถเข็น..อ่ะไม่เป็นไร ยังดีมีตะกร้า..เดินไป..เดินมา..ไมมานหนักฟระ..มองตะกร้าอีกที..เอ้ยย..ของเต็มเรย..555 ด้วยความที่กลัวว่าจากลับไม่ได้..แถมไม่มีคนยกของให้ก้อเลยไม่ได้ซื้อน้ำกิน...ได้ของสด กะกึ่งสดที่ต้องมาทำเองหลายอย่างเชียว..มักกะโรนีเอย ซุปเห็ดเอย (ซื้อมาอย่างกะจาได้ทำกับข้าวบ่อยงั้น) แต่ที่จงใจซื้อวันนี้คือ..เห็ดออรินจิ กะหมูบด..อยากกินกับข้าวเหนือ..แต่มันไม่มี ในตุ้เย็นมีพริกแกงเหนือที่แม่ตำมาไว้ให้เมื่อคราวกลับบ้านรอบที่แล้ว..มันหาผักเหนือ ๆ ไม่ได้..ไม่เป็นไรก้อประยุกต์เป็นไอเห็ดออรินจินี่ก้อแล้วกัน..จากที่บรรยายมา..คือซื้อมันตั้งแต่อาหารเหนือจดกลาง..แล้วเลยออกนอกประเทศไปนิดนึง..555
กลับมาก้อไม่ทำอะไร..เห็นมีน้ำแข็งใสขาย ก้ออยากกินอีก..(ไม่ได้กลัวอ้วนแต่อย่างใด..ในตอนที่คิดจะซื้อ หุหุ) ก้อกินน้ำแข็งใสก่อน..
คนขายเป็นแขก..พูดไทยไม่ชัดซะงั้นแต่น้ำแข็งใสที่ขายกลับเป็นแบบโบราณทีต้องใช้น้ำแข็งก้อนใหญ่ ๆ ไถไถกะแท่นที่มีมีด..ใครเคยเห็นก้อจานึกออก..แต่ถ้าไม่เคยเห็นนึกยังไงก้อคงไม่ออกอยุ่ดี..พวกที่เกิดก่อน พ.ศ. 2528 อย่างเราก้อยังเคยเห็นประปราย..อิอิ จากนั้นก้อทำกับข้าว..ตอนแรกกะว่า..จาถ่ายรูปไว้ซะหน่อย..แต่หน้าตาไม่น่ากินอย่างแรง.(แต่รสชาติดีมาก...อิอิ) ก้อเลยไมไ่ด้ถ่ายไว้..
เมื่อวานอ่านหนังสือเ่ล่มนึงชื่อ Desirable Taste เมนูปรารถนา ...
จากรูปจาเห็นว่ามีแลข 65 นั่นราคาที่ซื้อมาค่ะ..แต่ราคาจิงอยุ่ที่เล่มละ 120 บาม..อิอิ .คนเขียนใช้นามปากกาว่า ฮิมิโตะ ณ เกียวโต ซื้อมาตั้งแต่งานหนังสือเพิ่งได้ฤกษ์อ่าน...ชอบมาก ๆ ผู้เขียนเค้าเขียนแบบเหมือนออกมาจากอารมณ์ล้วนๆ อ่านแล้วอิน..ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจิงอิงนิยาย เรื่องจิงไม่อิงนิยาย เหรอว่าเรื่องแต่งหรอก แต่รุ้ว่า..อ่านแล้วอินมากโดยเฉพาะบท Alone in the kitchen
ตอนเย็นออกไปหาข้าวในซอยกิน..ไม่มีไรขายเลย..เศร้า..ก้อเลยไปซื้อหมูหยองที่เซเว่นกะว่าจาเอามาทำแซนวิสพรุ่งนี้..หุหุ วันนี้กลับมาก้อ..เอ..เราซื้อไรมามั่งหว่าา...มีมักกะโรนี..กะหมูยอ..เอามาต้มดีกว่า..จำได้ว่าเป็นเมนูที่กินตอนเด็ก ๆ ก้อเลยทำ ทำ ทำ ที่ห้องไม่มีอะไรมาก ไม่มีหม้อ เตาไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถทำอาหารได้มีแค่สองอย่าง..คือไมโครเวฟกะหม้อหุงข้าว..(ที่ไม่เคยได้ทำหน้าที่ตามชื่อเลยซักครั้ง..ซื้อมาตั้งแต่สมัยเรียน) เราก้อเลย..หม้อหุงข้าวดีกว่า..เพราะว่าต้องใช้เวลาต้มนาน..ไมโครไวฟวางบนตุ้เย็น..ไอครั้นจาแบกลงมาก้อใช่เรื่อง..หนักเอาการทีเดียว..ทำไปทำมาก้อได้มักกะโรนีต้มกะหมูยอหน้าตาแบบนี้ ตอนกินก้อเหยาะพริกไทยไปเยอะๆ เพราะว่าชอบมาก..อิอิ
จบการกินข้าวไปอีกวัน..แต่แปลกใจที่วันนี้ทำกับข้าวกินสองมื้อเรยเหรอเนี่ย...อยู่มาตั้งนานไม่ค่อยได้ทำอะไรเท่าไหร่..สงสัยจาเห่อ ข้าวของที่ไปซื้อมานี่เอง..สงสัยอารมณ์เบื่อเข้าสิงแหงๆ
=========================================================================
วันนี้วันที่ 20/05/2010 วันนี้เป็นวันที่สองของการประกาศเคอร์ฟิวส์ในกรุงเทพ...ไม่รู้คืนนี้จะมีอะไรอีก..เมื่อวาน Central World ก้อไหม้ไปหมดแล้ว...
Monday, May 17, 2010
++ Singapore Trip ++ Day 3 วันสุดท้าย
The last day in Singapore
วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วกับการมาเยือนเกาะสิงคโปร์..ตื่นเช้าได้สมใจ...เอ่อ..8.00 ถือว่าเช้าเนอะ..555 ทำนั่นทำนี่..แล้วก้อออกเดินทางสุ่ china town วันนี้ตั้งใจว่าจะมาซื้อของฝากกันที่นี่...แล้วยางไง...แล้วยังไง...ออกประตุ mrt ขึ้นบันไดเลื่อขึ้นมาปั๊บ....ฝนตกอ่ะพี่น้อง...เห้อ..ร้านที่เราจาซื้อก้ออยู่ห่างไปแค่ 5 ก้าว...แต่ไม่ก้าวจิง ๆ ออกไปแค่ก้าวเดียวก้อน่าจาเปียก..เลยเปลี่ยนแผนกันว่า..งั้นไป Orchard เลยละกันแล้วค่อยกลับมาแวะที่นี่..อื้ม..แล้วสุดท้าย..ตรงดิ่งไป Orchard ไม่รุ้เหมือนกันว่ามาโผล่ที่ห้างไหน..แต่..ต้องกินข้าวก่อน..การจาเดินช๊อปปิ้งแบบมีความสุขนั้น..ท้องต้องอิ่มก่อนอันดับแรก..555 วันนี้เอฟกินหมี่บลาๆๆจำชื่อไม่ได้จิง ๆ ..มันจาเหนียวๆ เหมือนราดหน้าแต่รสชาติต่างกัน.. กะ Kopi-O ซึ่งก้อคือโอเลี้ยงดีดีนี่เองแหละ..แนะนำให้ลองค่ะ..
จิงๆ เหตุการ์วันนี้ก้อไม่มีอะไรมากนอกจากการเดินช๊อปปิ้ง..แต่ที่เด็ดสุดสำหรับวันนี้ก้อค่อ..ชายหนุ่มคนนี้..ชอบมากกก..เค้ามายืนแจกใบปลิวงานอะไรซักอย่าง..แต่แบบว่า สะดุดตา แระน่ารักคอดๆๆๆ ต้องขอ photoshop ใส่แสงหน่อย(แต่งแล้วได้แค่นี้แหละ..หุหุ)..ช่วงนี้ตั้งแต่เริ่มหัดเขียน blog ก้อเลยหัดทำ photoshop ไปด้วย..แต่รูปอื่น ๆไม่ได้แต่งเลยนะ..แต่งแต่รูปประทับใจ..555
จากนี้ก้อจาเป็นรูปนะคะ..เห็นว่าปลายปีนี้จะมีแข่ง F1 ที่ สิงคโปร์..เห็นป้ายเค้าโปรโมตกันใหญ่..อยากไปดูจัง..
ตรงนี้ที่เราไปซื้อของกันมา....ได้ของเพียบ..
จากนั้นก้อขนของที่ช๊อป ๆ กันไปซื้อของฝากที่ china town อีกรอบ
เดินมาถึงใต้ดิน...เจอคุงเสือ..คงเป็นตัวอะไรซักอย่าง..คนถ่ายรูปกันตรึมหลังจากที่เราไปเริ่มกันก่อน 555
แล้วเราก้อมาถึงโรงแรม..เอากระเป๋า..โรงแรมนี้ดีนะ..พอเรา check out เราก้อยังฝากกระเป๋าไว้ได้..^^ ประทับใจจิง ๆ โรงแรมราคา 90 SGD nett แต่ไม่มีอาหารเช้า..ประทับใจพนักงาน
กลับจาก shopping เราก้อรีบบึ่งไปสนามบินด้วยวิธีการเดียวกะตอนมาแต่แบบย้อนกลับคือ นั่ง mrt สายสีม่วงจาก Farrer Park ใกล้กะที่พักเราไม่เกิน 500 เมตร ไปต่อ mrt สายสีเขียวที่ Outram park แล้วเปลี่ยนสีเขียวอีกทีที่ Tanah Merah ไปสุดที่สนามบิน Changi Airport อ่ะ..ลืมบอกไปว่าวันที่สามเงินในตั๋ว EZ-link ของเราหมด..ก้อเลยต้องเติมเงินกันไป..ตอนนี้เหลือเงินในบัตรตั้งเยอะแนะ..สงสัยต้องเก็บไว้ใช้คราวหน้า..เพราะว่าบัตรมานเก็บไว้ได้สี่ปีแนะ..^^
แล้วเราก้อมึน ๆ ว่าเราจะไป refund ก่อนเหรอว่าเราต้องไป check in ก่อน..เพราะว่าเราก้อมาถึงสถานีเลตพอดี..เจ็บใจแอร์ของ Jet star เหมือนกันที่ไม่บอกเราว่าเครื่องบิน delay เพราะว่าที่สองจิตสองใจตอนแรกไม่ยอมไป refund ภาษีเพราะว่ากลัวจา check in ไม่ทัน..เซ็งจิต..
พอเรา check in เสร็จจาเดินไปหาอะไรกินเนื่องจากเครื่อง delay แล้วคงไม่คิดจาไปหาอะไรกินที่ไทย..ก้อเลยเดินเตร็ดเตร่ ปรากฏว่า..เจอผู้หญฺงคนนึงจาฝากของเราเข้าไปข้างใน..พวกเราก้อกระอักกระอ้วนใจเพราะว่ากลัวเหมือนกัน..ก้อเลยบอกเค้าไปว่าเรายังไม่เข้าไปข้างใน..เพราะว่าจาหาอะไรกินกันก่อน..(ไม่ได้โกหกนี่นา..) ผู้หญิงคนนั้น..ก้อคงต้องหาคนเอาของเข้าให้อีกนั่นแหละ..เราก้อเดิน ๆ ๆ ปรากฏว่ามันไม่มีของกินข้างนอกเหมือนสุวรรณภูมิอ่ะ..สงสัยต้องไปหาอะไรกินข้างในย..แล้วก้อได้ Burger king ที่ดูราคาแล้วเหมือนจาโอเครสุด..จากนั้นก้อเดินเข้า gate เราก้อ..ถ่ายรูปเล่นกันได้เรือ่ย ๆ ก่อนเครื่องขึ้น....
จบแร้ววว...ลาก่อนนะ สิงคโปร์..ถ้ามีโอกาส คงได้แวะไปหาใหม่..
Sunday, May 16, 2010
++ Singapore Trip ++ Day 2 ตอนจบ
วันที่สอง...มาต่อกัน..
พิมมาตั้งหลายครั้งแล้วก้อลืมบอกไปค่ะว่า สามสาวเดินทางไปสิงคโปร์วันที่ 7-9 พฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมานี่เอง..หุหุ
หลังจากที่เรากลับมาจากเกาะ sentosa เราก้อว่าจะไปกันที่ clarke quay กันเลยเพราะว่า..เบอร์เกอร์ที่กินไปที่ Universal เริ่มหมดฤทธิ์ แล้วก้อยังมี mission ใหม่เข้ามาคือหลังจากที่เรากินปูกันแล้วเราจาไป shop กันที่ Mustafa ห้างแขกแถวที่พักที่เปิด 24 ชม. เพราะได้ข่าวว่าน้ำหอมถูก..อื้อ..ร่ายไปร่ายมา..เพิ่งออกจากเกาะ sentosa อิ อิ แล้วอยุ่ ๆ เราก้อคุยกันเรื่องหนุ่มๆ สิงคโปร์ขึ้นมา..เพราะว่าเรามาอยู่ที่นี่กันสองวันแล้ว..เพิ่งเจอผู้ชายหน้า ตาที่เราลงความเห็นกันว่าหน้าตาดี แค่ 3 คน...อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ..3 คน..จาบร้า..เราว่าที่ไทย..เนี่ย..วัน ๆ นึงอย่างน้อยก้อคนสองคนเข้าไปนี่อะไร..สองวันเพิ่งเห็นแค่สามคน..จาตะลอน ๆ ไปทั่วเมืองอยู่แล้ว...> < 555 แล้วประเด็นก้อจบตรงนั้น..เพราะว่าเอฟเองสะอึก..แล้วก้อหาที่ขายน้ำไม่เจอ..สุดท้าย...มีน้ำในประเป๋านี่หว่า...555 โก๊ะได้โล่เจรงๆ..
เอาเป็นว่า..เราก้อเดินทาง..ออกจาก sentosa เพื่อจาไปทำ mission แรกคือกินปูให้สำเร็จ...เราออกเดินทางไปที่ clarke quay ด้วย mrt เหมือนเดิม ที่ mrt สถานี Clarke quay เราเดินไปออกกันที่ central แล้วถึง central มานก้อมีให้เลือกว่าจา step up 90 ขั้นขึ้นไปเอง เหรอว่าจาออกทางห้าง...ณ จุดนี้เนี่ย...ไม่ต้องเดาก้อรู้ว่า...เราจาไปออกทางห้างกัน..555 เพราะว่าขาของสามสาวระบมมาสองวันแล้ว..>< โอเคร..ออกมาเราก้อตรงดิ่งไปที่ร้านปู Jumbo ร้านดังประจำย่านนี้...
.รุ้ได้เลยว่าร้านนี้ดังจิงๆ เราไปถึงกันตอนทุ่มครึ่ง..กะว่าจะได้นั่งกินปูลัลล้า กันเลย..ไม่..ม่ายยย..ร้านเต็ม..จาว่างอีกทีก้อนุ่นนน 3 ทุ่ม 45 อีกเกือบสองชม..แล้วพวกตรูจาไปทำไรกันก่อนฟระ..แต่เอาวะ.ไหน ๆ ก้อมาแล้ว..จองเลย..เดินออกมาจากร้าน..จาทำไรกันดีกว่าอีกตั้งสองชม. เราก้อเลยกะว่า..จาล่องเรือแม่น้ำสิงคโปร์กัน..อ่ะ..มองหาท่าเรือ...มันต้องเดินข้ามจากฝั่งร้านปูไปฝั่ง Clarke quay เพื่อหาท่าเรือ เดินไป เดินไป..ผ่านร้านนึง..บรรยากาศดี๊ดี..มีปูอยู่หน้าร้าน...
โอ๊ะโอ..ตอนนั้น ทุกคนก้อมีความเห็น..เปลี่ยนแผน...ฮะ..เปลี่ยนแผน...กินกันร้านนี้แหละ..ร้านนี้ชื่อว่าร้าน The PUMP room
ที่ ร้านนี้เรากินน้ำเอเวียงกันด้วย..อยู่ไทยไม่เคยได้กินหรอก..แต่..มันเป็นน้ำ ที่ถูกที่สุดในร้าน..อ่านไปอ่านมาไอเอเวียงที่เรากินกันอยุ่เนี่ย..มันมาจาก ไทย..กรี๊ด..น้ำขวดละ 5.5 SGD คิดเป็นเงินไทยขวดละ 130 บาทเนี่ย..คิดได้ว่า..บ้านเมืองเราเนี่ยแหละ..น้ำท่า อุดมสมบูรณ์ ที่สุดแล้ว..
แต่มาแล้วก้อ ลัลล้ากันอย่างมีความสุข..(บนความทุกข์เมือ่กลับไทย..555)
ร้านนี้มีผ้ากันเปื้อนให้ด้วยหง่ะ..แล้วเค้าก้อให้เอากลับบ้านได้..เราก้อ..เอากลับไทยมาด้วย..55
โอ๊ะโอ..ตอนนั้น ทุกคนก้อมีความเห็น..เปลี่ยนแผน...ฮะ..เปลี่ยนแผน...กินกันร้านนี้แหละ..ร้านนี้ชื่อว่าร้าน The PUMP room
ที่ ร้านนี้เรากินน้ำเอเวียงกันด้วย..อยู่ไทยไม่เคยได้กินหรอก..แต่..มันเป็นน้ำ ที่ถูกที่สุดในร้าน..อ่านไปอ่านมาไอเอเวียงที่เรากินกันอยุ่เนี่ย..มันมาจาก ไทย..กรี๊ด..น้ำขวดละ 5.5 SGD คิดเป็นเงินไทยขวดละ 130 บาทเนี่ย..คิดได้ว่า..บ้านเมืองเราเนี่ยแหละ..น้ำท่า อุดมสมบูรณ์ ที่สุดแล้ว..
แต่มาแล้วก้อ ลัลล้ากันอย่างมีความสุข..(บนความทุกข์เมือ่กลับไทย..555)
ร้านนี้มีผ้ากันเปื้อนให้ด้วยหง่ะ..แล้วเค้าก้อให้เอากลับบ้านได้..เราก้อ..เอากลับไทยมาด้วย..55
อาหารเรียกน้ำย่อย..ก่อนปูมาเราก้อสั่งข้าวผักกับบล๊อคโคลี่ผัดหอยอะไรซักอย่างที่หน้าตาเหมือนหอยเชลล์แต่ไม่ใช่หอยเชลล์..จำชื่อไม่ได้หง่ะ
แล้วน้องปูที่เราตั้งใจจาทำ mission ก้อมาถึง..ตัวใหญ่มากกกกก..ดีนะที่สั่งไซด์ medium ไป..ตอนแรกจาสั่ง large แต่พนักงานเค้าแนะนำว่า..พวกยูมากันสามสาว.. medium ก้อพอจ๊ะ..เราก้ออ่ะ ๆ เชื่อๆ..อิอิ
ตัวนี้ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยกินปูมาแล้ว..แล้วก้อเป็นการกินปูนอกบ้านครั้งแรก..ที่ต้องกินด้วยตัวเอง..ไม่มีคนแกะให้..(พี่โอ๋บอกว่า..รอบนี้แกะกันเองนะจ๊ะสาว ๆ เค้ามีอุปกรณ์มาให้แล้ว..พร้อมสาธิตวิธี..) แต่จนแล้วจนรอด..ส่วนใหญ่พี่โอ๋ก้อแกะให้..ด้วยคงเห็นว่า..อีกสองคนคงไม่รอด..555
จนเรียกเก็บเงิน..
ก๊อดด...170.19x23.8=4050.22 บาทไทย..
ไม่เป็นไรถือว่ามื้อเดียวที่นี่..ค่อยไปกินมาม่ากันต่อที่ไทย 555 ก่อนกลับพวกเราก้อเลยแวะเข้าไปในย่านซะหน่อยไปสะดุดตาร้านนึง..เป็นร้านขายพวกอาหารอินเดีย..กะลังโชว์เรย..ได้โอกาสแชะภาพมา..
แล้วก้อได้เวลากลับ..ลาก่นอนนะจ๊ะ..clarke quay เป็นที่เดียวในสิงคโปร์ที่เราไปกันสองรอบ..วันแรกไปเซอร์เวย์ก่อน วันนี้มากันแบบจิงจัง ..ระหว่างทางเดินไป mrt ก้อถ่ายรูปเรื่อยๆ..
ไปเจอเจ้าป้ายอันนี้..ฮามาก มากสุดตรง No durians เพราะว่าเอฟไม่ชอบทุเรียนเลยจิง ๆ ได้กลิ่นแล้วเวียนหัวมาก ๆ กฏหมายเค้าปรับจิงอะไรจิง..ถึงว่าประชาชนเค้ามีระเบียบมาก..ชอบประเทศนี้ก้อตรงนี้แหละ..ไม่เว้นช่องให้คนทำผิด
แล้วก้อเลยทำท่าเนียนๆ เป็นคนสิงคโปร์ยืนพิงกำแพง 555
ยัง..ยังไม่หมดแค่นั้นเพราะว่า mission ต่อไปคือไป Mustafa เพื่อไปดูน้ำหอม...แล้วก้อเจอจิงๆ อยู่ชั้น 1 เลย..น้ำหอมเยอะมากก...เดินไปเดินมา..เทสจนเวียนหัวเราก้อได้เจ้าของขวดนี่มา..
โดยเฉพาะ Paul Smith ROSE เนี่ย..เป็นกลิ่นที่เราตามหามานาน..มากกก..ในที่สุดชั้นก้อเจอเธอ...ชอบมากๆ ส่วนสวนสาวๆ ก้อได้กันมาคนละสองขวดอัพ..อิอิ..มันถูกจิง ๆ นะ..ก้อเลยต้องขนกันนิดหน่อย..อิอิ... แล้ววันนี้ก้อผ่านไป.กว่าจากลับถึงพี่พักปาไปตี 1 ตอนแรกกะว่า..จากินมาม่าอีก..แต่ไม่ไหวแล้ว..ง่วงมากมาย...กะว่าพรุ่งนี้..ชั้นจาต้องตื่น 8.00 โมงให้ได้..^^
Friday, May 14, 2010
++ Singapore Trip ++ Day 2.1
วันที่สองของการเดินทางทริปนี้..
แล้วเราก้อขอให้เจ๊ที่เราซื้อตุ๊กตาถ่ายรูปให้..555 พวกช้านเสียตัง..ให้ร้านเธอ เธอก้อถ่ายให้หน่อยนะ ^^
แล้วก้อเอาตั๋วราคาพันเจ็ดที่ปริ้นจากเมืองไทย (ปริ้นออฟฟิศ ไม่เสียตัง..อิอิ) ไปแสดงว่าพวกช้านจ่ายตังแล้วนะยะ..อิอิ..
เอฟตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่ 8.00 เวลาของที่โน่น..โดยการให้พี่ที่ไปด้วยกันตั้งเวลาไว้แล้วก้อวางไว้ไกล ๆ หน่อย..เพราะว่าผู้ร่วมทริปนี้แต่ละคนแบบว่า..ตื่นง่ายมากกกกกก..ซะที่ไหน..เอฟต้องตื่นคนแรกเพราะว่าเป็นคนที่อาบน้ำแล้วต้องทาครีมสารพัดจาทำนั่นนี่โน่น...แล้วก้อเล็งเห็นแล้วว่า ถ้าเราไม่ตื่น...สงสัยเราสามคนจาได้มานอนเสียตังกันที่สิงคโปร์ 555 วันที่สองตื่นมาก้อ สะโหลสะเหลไปปิดมือถือตรงหน้ากระจก..ปิดแล้วแทนที่จะไปอาบน้ำ..ไม่..สะโหลสะเหลกลับมาฟุบที่เตียง..แล้วก้อฝัน..ฝันบ้าบอถึงอีโรงแรมเดิม...แปลว่า..ตามมาหลอกหลอนจิงๆ สะดุ้งตื่นอีกที..บอกตัวเองว่า..อยากนอนกลับไปนอนกรุงเทพสิยะนังนู๋เอฟ...แล้วก้อเลยได้ตื่นขึ้นมาอาบน้าม..ปลุกสาว ๆ ที่เหลือมาอาบน้ำ..แผนวันนี้คือไปกินข้าวเช้า(คุยกันว่าเป็นติ่มซำ)ที่ china town แล้วก้อไปจนสุดสถานี harbor front ต่อ monorail ไป Sentosa เพื่อไปลัลล้าต่อที่ Universal Singapore ว่าจาไปตามหารถไฟเหาะ..ซะหน่อย ^___^ กรี๊ด ๆ ตื่นเต้นๆ..รถไฟเหาะจ๋า..รอพี่ไปขึ้นก่อนนะจะ..555
แต่แผน มานก้อคือแผน 555 วันนี้กว่าจาออกมาจากโรงแรมก้อประมาณ 11 โมงแร้ว..ไปโผล่ตรง Chinatown แดดเปรี้ยงเชียว..ขึ้นมาปั๊บ..
สุดท้ายเราก้อเลยซื้อกันมาคนละตัว..ยกเว้นพี่โอ๋เพราะว่าเราขอลดแล้วไม่ได้..555
เดินกันไปมา..หาร้านกินข้าวไม่เจอก้อเวลาก้อใกล้จาเที่ยงแล้ว..กลัวว่าจาเล่นเครื่องเล่นไม่คุ้มก้อเลยว่าจาไปหาไรกินที่ vivo city ดีกว่าเพราะว่าจาได้รีบไปเลย
จากนั้นเราก้อนั่งรถไฟฟ้ากันไปต่อสุดที่สถานี harbor front โผล่ขึ้นมาที่ห้าง vivo city ที่นี่เองที่เราไปยืนพูดภาษาอังกฤษแบบงู ๆ ปลา ๆ กะป้าร้ายขายติ่มซำบนห้าง..ตลกมาก..ตอนแรกเดินวนเพราะว่าไมรุ้ว่าจากินไรดี..เลียบ ๆ ไปไปเจอร้านนึงชื่อ Thai บลา ๆ จำชื่อไม่ได้..เค้าเขียนเป็นภาษาไทยติดหน้าร้านว่า “ยินดีต้อนรับคนไทยทุกคน” เราก้อโอ้โห..ดีใจแทนรัฐบาลเจรง ๆ ว่าคอนเส็บครัวไทยไปครัวโลก..ท่าทางจาได้ผล 5555 แต่ไม่..อาหารไทยตรูกลับบ้านหากินเองได้..อยากกินไรที่พื้นเมืองหน่อย..วนไปสามรอบ..จนไปเจอร้านขายติ่มซำ..มานมะมีคนขายอ่ะ.งเราก้อยืนปั้นจ้ำปั้นเจ๋อ..อยู่ซักสามนาทีได้มั้ง ป้าคนขายคงทนไม่ได้..มาถามเราก่อน ยูจากินไร..เราก้อบอกว่า I want bao ,custard แล้วก้อชู 2 นิ้ว..แล้วป้าก้อพยายามโปรโมทว่าถ้าซื้อสามลูกได้กินชา กาแฟฟรีนะ..เราก้อบอกไม่เอา..จากินติ่มซ่ำ..ป้าแกก้อเปิดซึ้ง..ลังถึงหรืออะไรก้อแล้วแต่ที่นึ่งติ่มซำอยุ่เราก้อถาม..อยู่นานตอนแรกชี้จาเอาขนมจีบกุ้ง..แต่ป้าบอกว่าวันนี้ไม่มีขายคุยไปคุยมา..ไอที่อยู่ในลังถึง..มีส่วนผสมก้อเนื้อหมด..เราไม่กินเนื้อก้อเลยอดไป..ยืนนานมาก ( 10 นาทีได้แล้วว) เราก้อเดินไปดูตรงของทอดสรุปว่าได้ ทาร์ตไข่มา..สรุปว่าเมื้อเช้า + เที่ยงวันที่ 2 ก้อกินซาลาเปาใส้ครีมกะทาร์ต ออไปซื้อผลไม้ด้วย..3 ชิ้น 5.5 SGD อื้มม..มะม่วง แตงโม ส้ม(เปรี้ยวมาก ..ไม่อร่อยเลย ไม่แนะนำส้ม) อารายกานเน่..เวลาล่วงเลยมาเกือบบ่ายโมงแร้วว T T
แล้วเราก้อไปซื้อตั๋วจาขึ้น monorail ไป sentosa แล้วยังไง...ไปเสล่อสิงคโปร์อีกแล้ว..ไปต่อซื้อตั๋ว song of the sea ซะงั้น..ดีนะที่ เจ้าหน้าที่เค้าเห็นแล้วถามว่าพวกเราจาทำอะไร..แล้วเค้าก้อให้ไปอีกมุมนึง..555 ยังได้อีก..จากนั้นก้อดิ่งไป sentosa ไป Universal กรี๊ดๆ..ใกล้แล้วๆ..รถไฟเหาะของช้านน..
ลงมาแร้วก้อเจอ monorail ที่มาจากข้างในเกาะกลับสู่โลกนอกเกาะ..อิอิ..
เดินเลี้ยวขวามาจาเจอเจ้าลูกโลกแระก้อตามธรรมเนียมต้องไปถ่ายกะเจ้าลูกโลกอันนี้ก่อน...อิอิ
ว่าแล้วก้อถ่ายรูปคู่ซะหน่อย แล้วก้อเอาตั๋วราคาพันเจ็ดที่ปริ้นจากเมืองไทย (ปริ้นออฟฟิศ ไม่เสียตัง..อิอิ) ไปแสดงว่าพวกช้านจ่ายตังแล้วนะยะ..อิอิ..
เพื่อตามหารถไฟเหาะที่เห็นแต่รางตั้งแต่เดินเข้ามา
ระหว่างทาง
เดินเข้าไปเรื่อย..เริ่มคิดได้ว่าไมตรูไม่เอา map มาด้วยฟระ..> <
เจอแล้ววว ตรงดิ่งไปหารางแดงน้ำเงินตรงหน้า...แล้ว แล้ว แล้ว ความซวยครั้งมาสิงคโปร์ก้อตามมาหลอกหลอนอีกครั้งเมื่อพบว่า..รถไฟเหาะปิดซ่อม...น้ำตาแทบไหล..คิดว่าเอาวะ พันเจ็ด ได้ขึ้นเจ้านี่ก้อคุ้มแล้ว...แล้ว..ยังไง..ปิดซ่อม..วันนี้ทั้งวัน T^T น่าเศร้าจิงๆ..
เราก้อเลยไปตะลุยเล่นอย่างอื่นกันแทน..ตามรูป..
เดินไป เดินมา ร้อนมาก ๆ ..แล้วแดดก้อแรง..ผิมเริ่มละลายกลายเป็นสีช๊อคโกแลต
เล่นๆ จนเหนื่อย..จิง ๆ น่าจาเหนื่อยจากการวิ่งไปวิ่งมาถ่ายรูปมากกว่า...555
อยู่ ๆ ฟ้าก้อมืด..ไรว๊า...แล้วฝนก้อตกลงมา เราก้อเลยนั่งลัลล้ากิน แซนวิส ไก่ทอด แฮมเบอร์เกอร์ กันจาก voucher 10 SGDที่ได้มาพร้อมตั๋ว กินกันไป กินกันมา...ฝนหยุดพอดี..555 ได้เวลาไปกินปูแล้ววว
เอ้ย ออกไปเที่ยวที่อื่น..อิอิ...เดี๋ยวเราก้อจะย้ายก้นออกจากที่กินข้าวไปซื้อของฝาก..เนื่องจากได้ voucher เราคา 5 SGD อีกนั่นแหละ..แล้วก้อถ่ายรูปส่งท้าย..
ยังไม่พอกะ sentosa island เราก้อเลยกะว่าจานั่งรถ monorail ไกลเข้าไปข้างในเกาะอีกนิด...แล้วเราก้อวิ่งผ่านตัวพ่อ..แล้วก้อไปถึง beach station ไปเหยียบชายหาดสิงคโปร์ครั้งแรก..^^
แล้วเอฟกะพี่โอ๋ก้อขออนุญาตไปเล่น Luge หนุกดี..นั่ง ๆ ขึ้นไปบนเขา แล้วก้อบรึ้น ๆ ลงมา..มะได้ถ่ายรูปตรงนี้แต่ก่อนเล่นต้องปั้มมือ
เล่นกันไปเริ่มเหนื่อยแล้ว..ถึงเวลาสำหรับ mission การเดินทางในวันที่สองคือกินปูยักษ์...แต่..แต่..พิมเหนื่อยแล้ว..555
เอาไว้เล่าต่อพรุ่งนี้ดีกว่า...อิอิ
Subscribe to:
Posts (Atom)