Tuesday, November 10, 2015

สตูว์หมู : Pork Stew




สตูว์หมู เอฟว่าเมนูสตูว์ ทำไม่ยากแค่นาน แต่ก้อเก็บไว้กินได้นานเหมือนกันนะคะ ^___^

ส่วนผสม

1. หมู ตอนทำใช้สันในหมูเพราะว่าที่บ้านมีจะได้ไม่ต้องซื้อ แต่เอฟว่าใช้พวกสันคอที่เป็นหมูติดมันน่าจะดีกว่า
2. มันฝรั่ง 3 - 4 หัว วิธีการเลือกมันฝรั่งไม่ยากค่ะ แค่เลือกที่ตาน้อยๆ ก็พอ ตาเยอะ มีพิษนะจ๊ะ ปอกเปลือก หั่นตามชอบใหญ่หน่อยก้อดีนะ เล็กไปเดี๋ยวเละ
3. แครอท 2 หัวก้อพอค่ะ จิงๆ ก้อตามชอบใจนะ บอกเปลือก หั่นตามชอบให้ไซด์พอๆ หรือเล็กกว่ามันฝรั่งหน่อย
4. หอมหัวใหญ่ เพิ่มความหวาน จิบอกว่าใส่ซัก 3 หัวหย่ายๆ ก้อหวานน่าดูละนะคะ หั่นด้านละ6 หรือ 8 หรือหั่นตามใจ
5. มะเขือเทศ จิงๆ เราซื้อมะเขือเทศมาลอกเปลือก แล้วหั่นเป็นชิ้นๆ ก้อได้ค่ะ แต่ เอฟขี้เกียจนะ เลยซื้อมะเขือเทศกระป๋องแบบที่เค้าเขียนว่า Dice และ paste ใช้คู่ ยี่ห้อใหนก้อได้ ที่เลือกซื้อมะเขือเทศกระป๋องเพราะ มันจาข้ามขั้นตอนการหั่นมะเขืออันเละเทะไปได้ คริคริ จิงๆ ใครอยากหั่นเองก้อได้ค่ะ แต่ต้องต้มแล้วลอกเปลือก เอาใส้ออก แล้วก้อหั่นลูกเต๋าเนอะ ตามนั้นจ้าา


เครื่องปรุง

1. น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ ประมาณ
2. ซีอิ๊วขาว
3. ซอสหอย
4. ซอสปรุงรส ที่ใช้เป็นแมกกี้ค่ะ
5. ใบกระวานแห้ง 2-3 ใบ
6. เกลือ น้ำตาล เล็กน้อย
7. ออริกาโน่ (ใส่ก้อได้ไม่ใส่ก้อได้)
8. ผงปาปริก้า (ใส่ก้อได้ ไม่ใส่ก้อได้)
9. เนย (ใส่ก้อได้ ไม่ใส่ก้อได้)


วิธีทำ

1. หั่นหมูเป็นก้อนๆ ตามใจชอบแต่อย่าให้เล็กมากนะคะ ประมาณ นิ้วครึ่ง ก้อได้ค่ะ
2. หมักหมูกับซีอิ้วขาวกับซอสหอยในภาชนะ ห่อแรฟ เข้าตู้เย็นทิ้งลืม อย่างน้อย 3 ชม. ค่ะ

------ - 3 ชม. ผ่านปายยยย ----------------

3. ใส่น้ำมันลงในกระทะไฟกลางเอาหมูลงผัดจนสุกซัก 80 % นะคะ ประมาณด้วยสายตาเนอะ เตาแต่ละบ้านไม่เท่ากัน โรยออริกาโน่และผงปาปริก้าตามชอบใจ
4. เอาหมูขึ้นมาพัก
5. เอาหอมหัวใหญ่ลงไปผัดกระทะเดียวกะหมูเลยนะคะ ไมต้องเปลี่ยน ผัดจนหอมหัวใหญ่สลด
6. เอามันฝรั่งและแครอทลงไปผัดพอสุก
7. ใส่หมูที่เราเอาขึ้นมาพักเติมน้ำให้ท่วม เร่งไฟ
8. ใส่มะเขือเทศ Dice และ paste ลงไปพร้อมกับใบกระวานแห้ง
9. พอเดือดซักพัก ลดไฟ เปิดไฟพอรุมๆ นานๆหน่อยจนเราพอใจ
10. เมื่อหมูนุ่มตามที่เราต้องการ ชิมรสแล้วปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาลตามชอบ
11. ตักเสริฟจ้าาาาา


Wednesday, May 7, 2014

มักกะโรนีต้มยำไก่..Macaroni Chicken tum yum

วันนี้เกิดอยากอัพบล๊อคอีกแระ เบื่อๆ มั้งเนอะ หาไรทำ หาไรกินดีกว่า หนุกหนาน เบิกบานใจ การทำกับข้าวสำหรับเอฟเป็นการคลายเครียดแบบนึงนะคะ จับมีดปุ๊บ สติมาเลย ฮ่าฮ่าฮ่า เรื่องของเรื่องคือเมื่อสองสามอาทิตย์ที่แล้ว ไม่มีอะไรกิน ขี้เกียจหุงข้าว มีแต่เครื่องต้มยำ กะไก่ ครั้นจะกินต้มยำอย่างเดียวมันก้อไม่อิ่ม ทำไรดีหว่า มองไปมองมา เห็นมักกะโรนี เลยเกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมา โอ๊ะโอ เอามาใส่ดีกว่าให้ต้มยำไก่มีเนื้อ มีหนัง ทำเสร็จ ลงเฟสบุค มีเพื่อนมาขอสูตร โอ๊ะ น่ากินเหรอเนี่ย (คิดเองตัลหลอดดด) เลยเขียนสูตรไปให้เพื่อน เลยอยากจะเอามาแปะในบล๊อคด้วย ^^ 
สูตรก้อตามนี้เลยค่ะ ขอบคุณค่าาาา 







Thursday, February 20, 2014

Chicken Stew : สตูว์ไก่



อาโหลลล ... ไม่ได้เข้าอัพ หรืออะไรทั้งสิ้นมาเป็นเวลาแสนนาน เข้าเรื่องดีกว่า เนื่องจากในเฟส มีผู้คนมากมายอยากได้สูตรทำสตูไก่ อันแสนทำง่าย แต่อร่อย ของเอฟ ( คิดเอง เออเอง 555) เอาเป็นว่า สตูไก่ที่ทำง่ายแต่ใช้เวลานาน จาเกริ่นก่อนว่า จิงๆ เอฟเป็นพวกที่ชอบกินอะไรที่เปื่อยๆ ตุ๋นๆ ต้ม นานๆๆ ยิ่งเปื่อยยิ่งชอบมากกก หุหุ เกริ่นเสร็จก้อเริ่มดีกว่า พูดมาก เด๋วเบื่อ

สตูไก่ นั้นจิงๆ ทำไม่ยาก เครื่องปรุงน้อยมากกก แต่ใช้เวลานานหน่อยแค่นั้นเองค่ะ

ส่วนผสม

1. ไก่ ส่วนสะโพกติดน่อง หรือน่อง ชอบกินส่วนไหน ก้อซื้อส่วนนั้นมานะคะ หมักกะแมกกี้ซักครึ่งชั่วโมง
2. มันฝรั่ง 3 - 4 หัว วิธีการเลือกมันฝรั่งไม่ยากค่ะ แค่เลือกที่ตาน้อยๆ ก็พอ ตาเยอะ มีพิษนะจ๊ะ ปอกเปลือก หั่นตามชอบ
3. แครอท 2 หัวก้อพอค่ะ จิงๆ ก้อตามชอบใจนะ บอกเปลือก หั่นตามชอบอีกเช่นกัน
4. หอมหัวใหญ่ เพิ่มความหวาน จิบอกว่าใส่ซัก 3 หัวหย่ายๆ ก้อหวานน่าดูละนะคะ หั่นด้านละแปด หรือ หั่นให้เล็กสุดเท่าที่จะทำได้ เพราะว่าจาได้สุกไวไว แค่นั้น ไม่มีเหตุผลอื่น 555
5. มะเขือเทศ จิงๆ เราซื้อมะเขือเทศมาลอกเปลือก แล้วหั่นเป็นชิ้นๆ ก้อได้ค่ะ แต่ เอฟขี้เกียจนะ เลยซื้อมะเขือเทศกระป๋องแบบที่เค้าเขียนว่า Dice ย้ำนะ Dice เพราะว่าถ้าแบบ paste มานจาเละๆ เป็นซอสมะเขือเทศที่ยังไม่ปรุงรสเนอะ ที่เลือกซื้อมะเขือเทศกระป๋องเพราะ มันจาข้ามขั้นตอนการหั่นมะเขืออันเละเทะไปได้ คริคริ จิงๆ ใครอยากหั่นเองก้อได้ค่ะ แต่ต้องลอกเปลือก เอาใส้ออก แล้วก้อหั่นลูกเต๋าเนอะ ตามนั้นจ้าา

เครื่องปรุง

1. น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ โดยประมาณ ประมาณเอาทั้งนั้นค่ะ 555
2. ซีอิ๊วขาว
3. ซอสปรุงรส ที่ใช้เป็นแมกกี้ค่ะ
4. ใบกระวานแห้ง 2 ใบ
5. เกลือ น้ำตาล เล็กน้อย

วิธีทำ

1. เอาน้้ามันใส่กระทะ เอาไก่ลงทอดนะคะ ทอดไก่ส่วนที่เราชอบ จนหนังตึงๆ เอาแบบว่าสุกซัก 70- 80 เปอร์เซ็น ถ้าใครกะไม่ถูกก้อเอาเป็นว่า ทอดจนมันรัดตัว เปลี่ยนสีเป็นทองๆ บางที่ก้อได้ ขั้นตอนนี้ไม่มีรูปนะคะ ลืม หุหุ

2. ตักไก่ออกพักในจาน เราก้อใช้น้ำมันอันเดิมแหละ เอาหอมหัวใหญ่ลงผัด ผักไปเรื่อยๆๆๆ จนหอมหัวใหญ่เริ่มนิ่ม แต่ ช้าก่อน ในรูปเนี่ย ยังไม่ได้ที่นะคะ แต่เริ่มเมื่อยละ อยากให้หอม เพิ่มเนยนิดหน่อยได้นะคะ วันนี้ไม่ได้ใส่ เพราะว่า ขี้เกียจ 5555


3. เมื่อหอมหัวใหญ่เริ่มใส เราก้อใส่มันฝรั่งกับแครอทที่หั่นแล้วลงไปค่ะ แล้วก้อคน คน และคน ไปเรื่อยๆๆๆ  คนกันจนเมื่อยไปข้างค่ะ


4. เราจักผัดไปเรื่อยๆ เมื่อยแล้ว เมื่อยเล่า จนกว่า หัวหอมจาใส


5. ผัด ผัด คน คน มาเรื่อย จนหัวหอมทำท่าจาไม่ไหวแล้วว



6. ในที่สุดดดดดด เราก้อจะได้ใส่น้ำซักที 5555 พอหัวหอมเริ่มจาไม่ไหวแล้วคือมากกว่านี้จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแล้ว เราก้อเติม มะเขือเทศ ใส่ไก่ที่เราตักพักตะกี้แล้วก้อเติมน้ำซุป (เอฟไม่มี ใส่น้ำธรรมดา) จ้าาา รอเดือดปุด ปุด ปุดดดด


7. หลังจากเดือด เอฟก้อใส่ใบกระวานแห้งลงไป 2 ใบ ไม่ต้องมากกว่านี้ มันเปลือง และจาออกกลิ่นมากไปค่ะ ปรุงรสด้วย ซีอิ้วขาว และซอสปรุงรส  ปล่อยเดือดซัก 15 นาที แล้วลดไฟอ่อน

อย่า !! เพิ่งปรุงแบบจัดเต็ม เพราะเวลาผ่านไป รสชาติมันจาเพิ่มขึ้นค่ะ



เคล็ดลับของการทำสตู อยุ่ที่ไฟเนอะ เร่งไฟ อ่อนไฟ เร่งไฟ อ่อนไฟ ตามลำดับค่ะ ย้ำนะ ชิมไปเรื่อยๆ มันจะหวานขึ้นจากหอมหัวใหญ่ ที่เอฟเจอคือ เติมซอสปรุงรสนะ แทนที่จะเค็ม แต่กลับหวานขึ้น ชิมไปเรื่อยๆ จนกว่าไก่จะนิ่ม หรือจนกว่าเราจะพอใจ ตักขึ้นได้จ้าาา ไม่ได้ถ่ายรูปตอนตักนะคะ เพราะว่าตักใส่ถุง 555555


ใครทดลองทำแล้วรสชาติยังไง มาบอกกันบ้างนะคะ ^_____^ ขอบคุณมากค่าที่อ่านนน มีอะไรก้อคอมเม้นได้น๊าาาา ขอบคุณค่ะ




Monday, June 6, 2011

Tokyo Trip +++ Day 3 Part 1



                     วันนี้ก้อเป็นอีกวันที่มีแพลนจาไปนั่น นี่ โน่น..เยอะแยะไปหมด..คือ ไปแบบรวมวัด..อ๊ะไม่ใช่สิ..ต้องเรียกว่า ศาลเจ้า แพลนคร่าว ๆ ว่าจะไปศาลเจ้าเมจิ หรือ Meiji shrine แล้วก้อไปวัดเซนโซจิ..หรือเห็นคนไทยเค้าเรียกกันว่า วัดอาซากุสะ อ่ะ..แล้วก้อแพลนว่าจะไปกินข้าวหน้าปลาไหลร้อยปี..ในหนังสือนำเที่ยวเค้าบอกว่าร้านนี้เปิด 11 โมงเช้า ปิดบ่ายสองแล้ว บ่าย ๆ ก้อไปเดินฮาราจูกุ เอิ่ม..ที่เกริ่นมาทั้งหมดนั้นคือแผนการสำหรับวันนี้..ก้อเป็นอีกวันที่ แพลน ก้อคือ แพลน 555
                วันนี้ตื่นมาเอ่อ..สาย..สายอีกแร้ว..กะว่าจาตื่นซัก 7 โมงครึ่ง ซัดไป..8 โมงครึ่ง..อิอิ..ก้อเมื่อวาน..กว่าจากลับก้อดึก..เล่นดิสนีย์..มานเหนื่อยนะ..หุหุ..พอตื่นสาย..กว่าจะอาบน้ามแต่งตัว..ก้อซัดไป 9 โมงครึ่ง..จิง ๆแล้วป Meiji shrine นั้นอยู่ตรงฮาราจูกุ เลยนะนั้น..วันนี้ก้อเริ่มต้นเหมือนเดิม คือเดินไปที่สถานี Shinjuku ตอนนี้ชินแล้ว..ครึ่ง กม. ชิวมาก วันนี้ก้อขึ้นรถไฟสาย Yananote ไปลงที่สถานี Harajuku เดินออกจากสถานีก้อถึงทางเข้าศาลเจ้าเลย..แต่..ยังไม่ได้กินไรแต่เช้าเลย..ฝากท้องไว้กับข้าวหน้าปลาไหล..
ตรงนี้เดินลงมาจากสถานีก้อถึงเลย..
From Tokyo



ก่อนเดินขึ้นมีคาเฟ่ ขายไอติม ขายขนมเล็กๆ..อยู่..รีบเดินไปหาก่อนเลย..
From Tokyo



เจอนี่..ไอติมซากุระ กรี๊ด..อร่อยมากกกก..ย้ำ..มากก..อันนี้เป็นรสของหน้าร้อน..
From Tokyo



จาว่าไป ..ญี่ปุ่นเนี่ย..สังเกต มา 3 วันละ..อาหารของเค้าเกือบทุกอย่างจะแปรผันตามฤดูกาล เห้อ..อยากกินมงมันทอด อยากกินเห็ดมิยาตาเกะ..(อันนี้ดูการ์ตูนมา 555) ไม่มี..>< ศาลเจ้าเมจิ เป็นศาลเจ้าที่ใหญ่มาก..เป็นเหมือนป่าที่อยุ่กลางเมืองก้อว่าได้..เดินเข้าไปแล้ว..เหมือนอยู่คนละโลก..รุ้สึกขนาดนั้นจิง ๆ ..เหมือนหลุดเข้าไปยุคเก่า..ถ้าคนเดินไปมาใส่กิโมโนนี่..ใช่เลย..แต่ก้อไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนใส่นะ..เห็นประปรายเลยทีเดียว..อยากให้คนไทยมีงี้มั่ง..ชุดไทยออกจาสวย..แต่ก้อนะ..เมืองไทย..ร้อนเหลือขนาด(นี่..ใช้คำไทยด้วยย..อิอิ) ทางเดินไปเจอประตู..โห..เสาใหญ่มากกก..ไม่รุ้ตั้งแต่สมัยไหน..อิอิ
นี่ทางเข้าอันแรก..ประตูอลังการมากก เสาใหญ่สุดๆ
From Tokyo


From Tokyo




เดินเข้าไปจะเจอไหลเหล้าอยู่ระหว่างทาง..เป็นไหใส่เหล้าที่มาจากเมืองต่าง ๆ 

From Tokyo



ทางเดินร่มรื่นมาก ๆ ..วิวสวยขนาดนี้..ขอซะหน่อย 555
From Tokyo




ที่นี่มีธรรมเนียมก่อนที่จะเข้าไปที่ศาลเจ้าจะต้องล้างทำความสะอาดร่างกายด้วย น้ำเย็นสดชื่นมากๆ..

From Tokyo




เราก้อ..ล้างมือซะหน่อย..จิง ๆ มันมีวิธีล้าง..เราก้อทำตามแหละ..แต่ขี้เกียตพิม 555

From Tokyo



ศาลเจ้าที่นี่ไม่ได้ใหญ่มากมาย แต่ร่มรื่นดี..ไปโยนเหรียญแล้วก้อไปเขียนขอพร..จากที่ไปแอบอ่านของคนอื่น..มีหลายภาษามาก..หลายหลายคิดว่า..สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ต้องทำงานหนักมาก ๆ เพราะว่าต้องแปลหลายภาษา 555 

From Tokyo



วันนี้เจองานแต่ง 2 งานที่ศาลเจ้านี้..ว๊าววว..พิธีแบบเก่าแก่..จากข้อมูลเค้าบอกว่าใครจะมาแต่งงานที่ศาลเจ้านี้จะต้องใช้เงินมาก..ส่วนใหญ่จะเป็นเซเลบของที่นี่..จองกันทีข้ามปี..แล้วเราก้อแอบจ้องมองนิดนึง..อิอิ..ทำให้นึกไปถึงหนังคู่กรรม ที่เบิร์ด ธงชัยเล่นคู่กับกวาง กมลชนก (บ่งบอกอายุตัวเองมากกก 555) 

From Tokyo




เสร็จแล้วมองเวลา..อ่าว..เที่ยงซะละ..ถึงเวลาตามหา..ข้าวหน้าปลาไหลร้อยปี..เป็นร้านเล็ก ๆ แต่ดังมาก..อยู่แถว ๆ วัดเซนโซจิ ที่เราจาไปพอดีเราเราก้อเลยออกไปเพื่อที่จะนั่งรถไฟ..ทำหน้าเศร้า..เพราะว่ายังไม่ได้เดินฮาราจูกุ แต่ไม่เป็นไร..ไปไหว้พระที่วัดเซนโซจิ แล้วค่อยกลับมาก้อได้..รอบนี้เราขึ้นสาย Yamanote กลับขึ้นไปเปลี่ยนสายขึ้น Ginza line ที่ Ueno ที่ Ueno นี่เอง..ที่เราเจอญาติ..แรกสุดนึกว่าสถานีมันเดินใกล้ๆ แต่..หาไม่เจอแฮะ..ไปเจอ..ครัวซอง แพนด้า..ว๊าวว..

From Tokyo




สถานีนี้..ทำไมแพนด้าเยอะจังหว่า..ทางที่จาไป Ginza line นั้น..ต้องเดินไปทาง Panda Gate กร๊าก..

From Tokyo



ออกจากประตู..เจอรูปปั้นแพนด้า..แว๊กก..งงเรย..แพนด้า เจอ แพนด้า..อิอิ..

From Tokyo






จากนั้นก้อหาทางไปจนได้จากสถานี Ueno เปลี่ยนเป็น Ginza line นั่งสุดสาย(ไกลมาก) ไปถึงสถานี Asakusa ราวเที่ยงครึ่ง..หรือว่าตอนนั้นบ่ายโมง..จำไม่ได้แล้ว..เดินไปหาร้านปลาไหลก่อน..ไปเจอคนอยู่หน้าร้าน..เป็นออกแนวคุณแม่บ้านคนนึงมากับผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า..น่าจะเป็นแม่ ไม่ก้อแม่สามี (เดาทั้งนั้น..) 

From Tokyo



เค้ายืนหน้าร้าน..เราก้อเดินเข้าไปถาม..พี่แกพูดภษาอังกฤษไม่ได้..สื่อสารกันไปมาอยู่นาน..ภาษามือ+ ภาษาอังกฤษแบบคำ คำ ของเรา..อิอิ..ได้ความมาว่า..ร้านปิดแล้ว..แต่ทำไมป้าไม่ไป..คุยไปมา..(จนเมื่อย) ได้ความประมาณว่า..เค้าเป็นสองคนสุดท้าย..แต่ตอนนั้นเป็นตอนบ่ายโมงตรง >< พอคุณป้าสองคนเข้าไปที่ร้าน..เราก้อยังยืนงง ที่หน้าร้าน..แต่มันก้อหอมจิง ๆ แหละ..น่าจาเป็นเพราะว่าเป็ฯปลาไหลย่างถ่าน เป็นประมาณว่าสูตรประจำตระกูล..ร้อยปีที่แล้วทำยังไง ตอนนี้ก้อยังทำแบบนั้น..บังเอิญมีพี่คนนึง..น่าจาเป็นเจ้าของร้าน..(คนนี้พูดภาษาอังกฤษได้คล่องเชียว) บอกว่า..ของช่วงเที่ยงหมดแล้ว..ถ้าคุณจะมาให้มาใหม่อีกทีตอน 5 โมง คือ..เค้าไม่มีเวลาปิดหรอก..ของหมดคือหมด..(T^T) สรุปว่าจารอเหรอ..ใช่เรื่อง..ไม่กงไม่กินแล้ว..ร้อยปีก้อร้อยปี..แต่..แต่ตรูข้ามน้ำข้ามทะเลมานะเฟร่ย..(จิง ๆ คิดในแง่ดีว่า..คุนป้าสองคนนั้นอาจจะมาจากต่างจังหวัดก้อได้เค้าก้อมายืนรอก่อนเรา) แต่..ถ้าชั้นไม่ตื่นสาย..ก้อได้กินแร้ว..หุหุ.เริ่มหิว..ได้ข่าวว่า..สองข้างทางก่อนเข้าวัดเซนโซจิ..ขนมเยอะ..กินอย่างสองอย่าง..ก้อน่าจาอิ่ม..แล้วจารู้ว่า..อิ่มจิง ๆ..555 กินนิด ๆ หน่อยๆ..เรื่อย ๆ วัดเซนโซจิ เหรอว่าคนไทยจะรู้จักกันในชื่อวัดอาซาคุสะ (น่าจามาจากชื่อที่ที่วัดนี้ตั้งอยู่..) เป็นวัดขนาดใหญ่ของนิกายเซน เป็น must have ของทุกทัวส์ไทย..
นี่ไงมาถึงแล้ววว...

From Tokyo




ร้านของกิน ของฝาก ตลอดสองข้างทาง

From Tokyo



ชาเขียวเย็น ๆ ไม๊คะ อร่อยมาก รสชาติหาไม่ได้ในไทย..

From Tokyo



ขนมอะไรจำชื่อไม่ได้..น่าจะดังโง๊ะ..เหนียว อร่อย

From Tokyo



มันจูทอด..อร่อย..อีกแล้ว..กร๊ากกก..อร่อยจิงๆ อันนี้

From Tokyo



เดินเหนื่อยแล้ว..หาที่กินของหวานดีกว่า..ร้านนี้เป็นร้านของหวานโบราญเก่าแก่..สังเกตได้ว่า..คนมากิน อายุเกิน50 แล้วก้อเด็ก ไม่เกิน 15 ร้านนี้เมนูเป็นภาษาญี่ปุ่นหมด..เอาหล่ะ..ทำไงดี..ง่าย ๆ ไปเรียกคนเสิร์ฟมา แล้วก้อชี้ 555

From Tokyo



From Tokyo



แล้วก้อ บ้าย ๆ ก่อนออกเดินทางตามหาปักกิ่ง the great

From Tokyo



อิอิ แต่วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ..ไว้เดี๋ยวจามาเล่าครึ่งวันหลังให้ฟัง..มีเรื่องมันส์ ๆ สองสามเรื่อง..ของแพนด้า(เกรียนไทย) กะหนุ่มสาวญี่ปุ่นเจ้าของร้านขายสร้อย..^___^